ดูหนังออนไลน์ฟรี Elite Squad 2: The Enemy Within (2010)
เรื่องย่อ Elite Squad 2: The Enemy Within (2010) ปฏิบัติการหยุดวินาศกรรม 2
ดูหนังออนไลน์ฟรี Elite Squad 2: The Enemy Within (2010) เป็นภาพยนตร์บู๊แอ็คชั่น-ระทึกขวัญจากบราซิลในปี 2010 ที่มาพร้อมความเข้มข้นของเนื้อเรื่องและฉากแอคชันที่น่าตื่นเต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย José Padilha ซึ่งได้ร่วมมือกับ Bráulio Mantovani และ Rodrigo Pimentel ในการเขียนบท นับเป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Elite Squad (2007) ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยเรื่องราวในภาคนี้ยังคงติดตามการทำงานของหน่วยรบพิเศษตำรวจ BOPE (Batalhão de Operações Policiais Especiais) พร้อมเน้นความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างการบังคับใช้กฎหมายและการเมืองในเมืองริโอเดอจาเนโร
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ดำเนินไป 13 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก โดย นาซิเมนโต อดีตกัปตัน BOPE ที่ปัจจุบันได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพันโท ต้องเผชิญกับการโจมตีขณะออกจากโรงพยาบาล ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การเล่าย้อนถึงความขัดแย้งที่ซับซ้อนในอดีต โดยย้อนกลับไปสี่ปีก่อนหน้า นาซิเมนโตได้เข้าแทรกแซงเหตุการณ์จลาจลในเรือนจำบังกู ซึ่งเกิดจาก Beirada หัวหน้าแก๊งที่ต้องการให้ Diogo Fraga ครูและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนช่วยเจรจาเพื่อความปลอดภัย แม้ว่า Fraga จะสามารถเกลี้ยกล่อมให้ Beirada ปล่อยตัวตัวประกันได้สำเร็จ แต่เหตุการณ์กลับบานปลายเมื่อ กัปตัน André Matias ลูกศิษย์ของนาซิเมนโต ตัดสินใจยิง Beirada ขัดกับคำสั่ง ส่งผลให้เกิดความเสียหายและความตายหลายราย
เรื่องราวในภาพยนตร์สะท้อนถึงประเด็นที่หนักแน่นและลึกซึ้งเกี่ยวกับความอยุติธรรม การคอร์รัปชันในองค์กร และความซับซ้อนของอำนาจในระบบกฎหมายและการเมือง โดยเฉพาะในบริบทของเมืองริโอเดอจาเนโรที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง นาซิเมนโตต้องเผชิญกับศัตรูคนใหม่ที่ไม่ได้มาจากแก๊งอาชญากรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐที่แฝงตัวในระบบ
การดูหนังออนไลน์ฟรี Elite Squad 2: The Enemy Within (2010) เรื่องนี้ได้รับคำชมเชยจากนักวิจารณ์ทั้งในเรื่องการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด ฉากแอคชันที่ตื่นเต้นเร้าใจ และการสะท้อนถึงปัญหาสังคมอย่างตรงไปตรงมา นอกจากนี้ ยังสามารถดึงดูดผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของบราซิล โดยแซงหน้าภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Dona Flor and Her Two Husbands และ Avatar
แม้ว่าภาพยนตร์จะไม่ได้เข้ารอบสุดท้ายในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 84 ในหมวดภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม แต่ผลงานเรื่องนี้ยังคงเป็นที่จดจำในฐานะภาพยนตร์ที่มีบทบาทสำคัญในการเปิดเผยความจริงอันโหดร้ายของสังคมบราซิล รวมถึงการตั้งคำถามถึงความยุติธรรมและความถูกต้องในโลกแห่งความเป็นจริง นอกจากนี้หนังเรื่องนี้ยังได้คะแนนจาก IMDb มากถึง 8.0 คะแนนอีกด้วย
หลังจากเหตุการณ์ในเรือนจำบังกูที่เป็นจุดพลิกผันสำคัญ นาซิเมนโตต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบที่ตามมาอย่างหนัก ทั้งในแง่ของหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว การยิงหัวหน้าแก๊ง Beirada โดยกัปตัน André Matias ไม่เพียงสร้างความไม่พอใจในหมู่ผู้คุมเรือนจำและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน แต่ยังเปิดช่องให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง BOPE และนักการเมืองที่ใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือทางการเมือง
Diogo Fraga ที่เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน เริ่มแสดงบทบาทสำคัญในการเป็นคู่ปรับกับ Nascimento ทั้งในเชิงความคิดและอุดมการณ์ โดย Fraga มองว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหาในระบบสังคมและการเมืองที่มีการคอร์รัปชัน ในขณะที่ Nascimento มุ่งเน้นการใช้มาตรการที่เด็ดขาดผ่านการปฏิบัติการของ BOPE
เมื่อเรื่องราวดำเนินไป Nascimento ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้มีบทบาทสำคัญในกระทรวงความมั่นคง เขาต้องต่อสู้กับเครือข่ายคอร์รัปชันที่แทรกซึมอยู่ในระบบ ซึ่งรวมถึงตำรวจที่ฉ้อฉลและนักการเมืองที่ใช้ความรุนแรงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าศัตรูที่แท้จริงของเขาไม่ใช่แก๊งอาชญากรรมในสลัม แต่คือระบบที่เน่าเฟะที่ควบคุมโดยผู้มีอำนาจ